การโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินเป็นขั้นตอนสำคัญในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมและครบถ้วนดังต่อไปนี้
สำหรับผู้ซื้อ (เอกสารตัวจริง)
* ทะเบียนบ้าน (ที่อยู่ปัจจุบัน สามี, ภรรยา): ใช้เพื่อยืนยันที่อยู่ปัจจุบันและสถานะของคู่สมรส (ถ้ามี)
* บัตรประจำตัวประชาชน (สามี, ภรรยา): ใช้ยืนยันตัวตนของผู้ซื้อและคู่สมรส
* ทะเบียนสมรส: สำหรับคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสแล้ว เพื่อแสดงความยินยอมในการทำนิติกรรม
* ทะเบียนหย่า: ในกรณีที่หย่าแล้ว เพื่อยืนยันสถานะความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
* หนังสือให้ความยินยอม (กรณีมาท่านใดท่านหนึ่ง): หากคู่สมรสไม่สามารถมาทำนิติกรรมด้วยตนเอง ต้องมีหนังสือยินยอมจากคู่สมรสที่ไม่ได้มา
* ใบเปลี่ยนชื่อ: หากมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
สำหรับผู้ขาย (เอกสารตัวจริง)
* โฉนด (กรณีไม่ได้จดจำนอง): เอกสารสิทธิ์ที่สำคัญที่สุดในการแสดงความเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
* ทะเบียนบ้าน: ใช้เพื่อยืนยันที่อยู่และสถานะของผู้ขาย
* บัตรประจำตัวประชาชน (สามี, ภรรยา): ใช้ยืนยันตัวตนของผู้ขายและคู่สมรส
* ทะเบียนสมรส: สำหรับคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสแล้ว เพื่อแสดงความยินยอมในการทำนิติกรรม
* ทะเบียนหย่า: ในกรณีที่หย่าแล้ว เพื่อยืนยันสถานะความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
* หนังสือให้ความยินยอม (กรณีมาท่านใดท่านหนึ่ง): หากคู่สมรสไม่สามารถมาทำนิติกรรมด้วยตนเอง ต้องมีหนังสือยินยอมจากคู่สมรสที่ไม่ได้มา
* ใบเปลี่ยนชื่อ: หากมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
* มิเตอร์น้ำ-ไฟเดือนสุดท้าย: ใช้สำหรับตรวจสอบยอดค้างชำระค่าสาธารณูปโภค
* ใบปลอดหนี้: เอกสารยืนยันว่าไม่มีหนี้ค้างชำระกับนิติบุคคลอาคารชุดหรือหมู่บ้านจัดสรร (ในกรณีที่เป็นคอนโดมิเนียมหรือบ้านในโครงการที่มีนิติบุคคล)
คำแนะนำเพิ่มเติม:
* ก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ ควรติดต่อสำนักงานที่ดินเพื่อสอบถามเอกสารที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม
* เตรียมสำเนาเอกสารทุกฉบับให้พร้อม และรับรองสำเนาถูกต้องด้วยตนเอง
* ตรวจสอบชื่อ-นามสกุล และข้อมูลในเอกสารทุกฉบับให้ถูกต้องตรงกันทั้งหมด เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการทำนิติกรรม
การเตรียมเอกสารอย่างละเอียดจะช่วยให้การโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
